วันอาทิตย์ที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

อินเดีย-08 : ใครจะไปเมืองแขก จําคาถานี้เอาไว้ "ฉันเป็นนักเรียน...... บ้านฉันอยู่โน่น"

I'm a student, I'm staying here. My home is over there.

ประโยคนี้ใช้ได้ดีสำหรับผมเลยครับ ด้วยความที่หน้าตาเหมือนกับคนอินเดียมาก เวลาไปไหนกับพวกรถออโต้เลยมักจะโดนราคาสูงกว่าคนท้องถิ่น บ้างก็ไม่ยอมเปิดมิเตอร์ แต่จะเหมาไปเลย Rs.50 หรือ Rs.40 ก็มี แล้วอย่างผมจะให้เขาหลอกง่าย ๆ ได้อย่างไร อย่างตอนที่กลับมาจากเดินที่ห้างฟอรั่ม พอเดินออกมาจากห้างก็มีพวกคนขับที่จอดรถอยู่แถวนั้นเข้ามาถามว่าจะไปไหน ผมก็ว่าจะไป Brigade ดูผิวเผินนี่ก็รู้ได้ว่าผมคงจะเป็นนักท่องเที่ยว แล้วแถว MG. กับ Brigade นี่ก็เป็นที่รู้กันว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวช็อปปิ้ง ผมก็บอกให้เปิดมิเตอร์ คนขับก็ทำคอยึกยักแปลว่า OK พอขึ้นไปนั่งปั้บมันหันมาบอกว่าจะพาไปเอาแค่ Rs.50 โอ้โห ขูดเลือดกันซึ่ง ๆ หน้า คิดว่าไม่รู้หรือไง วิ่งจากห้างฟอรั่มไป Brigade มันวิ่งเป็นเส้นตรง ถ้าตามแผนที่และมันก็เป็นอย่างนั้นจนิง ๆ อย่างดีก็น่าจะประมาณ 3-4 กิโล ถ้าเปิดมิเตอร์ก็ไม่น่าจะมากกว่า 20 รูปี เพราะ 2 กิโลเมตรแรกจะคิด 10 รูปี และทุก ๆ 100 เมตรจะคิด .5 รูปี (หรือ 50 เพซา) พอคนขับจะเอา 50 รูปี ผมก็โอเคบ๊ายบาย โดดลงทันที ไม่สนใจ ไปหาคันอื่นก็ได้ พอไปขึ้นอีกคันมันก็บอกว่ามิเตอร์เสีย แถมเอามือจับมิเตอร์หมุนให้ดูเพื่อให้รู้ว่ามันเสีย แต่แกจะเอา 40 รูปี ก็เลยโดดลงอีก โดดขึ้นลงอยู่อย่างนี้สองรอบ เลยไปโบกคันที่กำลังวิ่งผ่านมาบอกให้เปิดมิเตอร์คนขับก็ OK แต่พอไปถึงที่ ๆ ผมพอรู้จักและเดินต่อได้เอง ผมก็ให้มันจอด "OK friend, drop me here" มิเตอร์บอกราคามา 20.5 รูปี แต่คนขับทำคอยึกยักชูมา 3 นิ้ว คือจะขอ 30 รูปี เอาอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าใจร้ายหรอกนะ แต่เราก็ต้องประหยัดเหมือนกันนี่ อยากบอกให้เข้าใจว่าประเทศไอไม่ใช้ได้เงินดอล มายคันทรี่โนคอลล่าร์นี่ก็กะไรอยู่ จะจ่ายให้ตามมิเตอร์ก็ไม่เอา ยืนกรานจะเอา 30 ท่าเดียว ก็เลยบอกมันว่า "Hey, I'm not a traveler. I'm a student and staying over there." พร้อมกับชี้นิ้วไปทางถนนที่ผมอยู่เพื่อบอกให้รู้ว่า ผมไม่ใช่นักท่องเที่ยวนะ เป็นนักเรียนและก็อยู่แถวนี้ด้วย ได้ผลครับถ้าไปเจอคนขับที่ฟังอังกฤษออก เจ้าคนขับก็ทำเหมือนว่าจะเอาดีไม่เอาดี เมื่อไม่รับเงินเอง ผมก็เลยวางเงินไว้ที่หน้ารถ 20 รูปีแล้วผมก็หายวับข้ามถนนไปเลย จริง ๆ แล้วอีก .5 ที่เกินมานี่เวลาคิดจะปัดให้เป็น 1 ครับ แต่ผมก็ไม่ได้ให้ไปเพราะว่าไม่มีเหรียญ 1 รูปี มีแต่แบ๊งค์ใบละสิบ เกิดให้ไป 30 คิดว่าคงจะไม่ได้เงินทอนแน่นอน

พอรู้ว่าประโยคนี้ดูน่าจะมีความขลัง ผมก็เริ่มใช้ทุกครั้งที่มีปัญหากับคนขับที่ชอบพาเราออกนอกทางไปปล่อยร้านเครื่องเงิน บางคนก็ขอ 10 รูปี แต่จะปล่อยเราไว้ที่ร้านสินค้าพื้นเมืองก็มี เราต้องรู้ว่าเรามาเพื่ออะไร อย่างผมมาเพื่อที่จะหาความรู้ มาหาตำหรับตำรา มาเขียนหนังสือ มาหาที่เรียนคอร์สระยะสั้นด้านคอมพิวเตอร์ ไม่ได้มาเที่ยวหาซื้อผ้าไหมหรือเครื่องเงิน พอเวลามีใครเดินตามมาบอกว่าจะพาไปเที่ยว Commercial Street มาบรรยายสรรพคุณให้ฟังว่าที่นั่นมีของดี ๆ เยอะ ราคาถูก อย่างโน้นอย่างนี้ ถ้าตามมาแบบไม่ลดละก็ต้องบอกให้เข้าใจว่า "I'm sorry my friend, here is my home." แค่นี้ก็ได้ผลครับ พี่แขกแกหายวับไปเลย... มนต์นี้ใช้ได้ ใครจะลองเอาไปใช้ดูก็ได้นะครับ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ แต่ต้องทำตัวไม่ให้เหมือนกับนักท่องเที่ยวก่อนนะ ต่ออีกนิดสำหรับการเดินทางด้วยรถออโต้ที่นี่ พอขึ้นบ่อย ๆ ก็เจอเหตุการณ์แปลก ๆ บางคนก็ขับดี สุจริต แต่บางคนเห็นเราหน้าขาว ๆ คาถาก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะคนขับบอกว่าไม่มีเงินทอน เช่น นั่งมา 13 รูปี พอจะจ่ายเงินก็ไม่มีเหรียญ มีแต่แบ๊งค์ใบละ 20 พอขอเงินทอนมา 7 รูปี คนขับก็บอกไม่มีแบบนี้คาถาก็ใช้ไม่ได้ จะไปล้วงหาเศษตังค์ที่ใครก็ไม่ได้แล้วตอนนั้นเลยต้องเสีย 20 รูปีเลย แต่ก็ต้องบอกให้ขับไปส่งให้ใกล้ ๆ กว่านี้จะได้คุ้มกับ 20 รูปีหน่อย หลัง ๆ พอเจอแบบนี้บ่อยเข้าเวลาซื้อขอกับร้านค้าก็ต้องจ่ายด้วยแบ๊งค์เพื่อให้ได้เงินเหรียญเล็ก ๆ มาเยอะ ๆ เพื่อที่จะเอาไปจ่ายให้คนขับที่ชอบไม่มีเงินทอน ไม่เช่นนั้นถ้าเสียเพิ่มทุกวัน ๆ ละ 6-7 รูปี 10 วันก็ 60รูปีเข้าไปแล้วขาดดุลการค้าแน่นอนอีแบบนี้