วันอาทิตย์ที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

อินเดีย-10 : ขอโทรกลับเมืองไทยสักหน่อยน่า

ขอโทรกลับเมืองไทยสักหน่อยน่า

การโทรกลับเมืองไทยหรือโทรไปหาใครในอินเดียไม่ยากครับ โดยมากจะมีร้านที่เขียนว่า STD/ISD เป็นระยะ ๆ บางร้านก็หลบตามซอกหาได้ไม่ยากครับ จะมีป้ายชูสลอนขึ้นมา เจอป้ายแบบนี้ที่ไหนก็เข้าไปยกหูโทรได้เลย ถ้าโทรกลับเมืองไทยก็จะกดหมายเลข 00 ตามด้วยรหัสประเทศไทยคือ 66 และก็ตามด้วยเบอร์โทรศัพท์ที่เราใช้กันในเมืองไทยได้เลย เช่น จะโทรหาเบอร์ 02-4119922 ก็จะกด 0066024119922 หรือถ้าจะโทรเข้ามือถือก็ต่อด้วยเลขมือถือได้เลย เช่นเบอร์ 09-1234455 ก็จะกด 006691234455 สำหรับค่าโทรก็ไม่แพงครับ ผมไม่เคยถามว่าอัตราค่าโทรกลับเมืองไทยนั้นเท่าไหร่ จะเท่าที่หารออกมาทุก ๆ ครั้งก็จะได้ประมาณ 14-15 บาทต่อนาที แต่ผมโทรเข้าจังหวัดนครปฐมนะครับ (034) ไม่ได้โทรเข้ากรุงเทพ (02) ในแต่ละตู้จะมีหน้าปัทม์ตัวเลขดิจิตอลบอกเลยว่าผ่านไปกี่วินาทีแล้วและเป็นเงินเท่าไหร่ เราคุย ๆ ไปมันก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลาครับ เราดูตัวเลขก็กะประมาณได้ว่าถ้าถึง 50 รูปีเมื่อไหร่แล้วค่อยเลิกคุยก็ได้ ดังนั้น เวลาคุยก็จะต้องเหลือบดูตัวเลขเป็นระยะ ๆ ว่าจะถึง 50 รูปีหรือยังจะได้ล่ำลากันก่อนวางสาย การโทรทางไกลจะค่อนข้างหน่วงครับ ประมาณ 1 วินาทีหรือน้อยกว่านั้น พอโทรเสร็จแล้วก็ดูว่าหน้าปัทม์บอกกี่รูปีและก็ไปจ่ายเงิน ทางร้านเขาก็จะมีเครื่องพิมพ์ใบเสร็จเล็ก ๆ ออกมา ก็ขอเขาดูก่อนนะครับว่าเบอร์นี้เป็นของเราหรือเปล่า ตัวเลขด้านล่างสุดจะบอกนาทีที่เราโทรไปและค่าโทร อย่างถ้าใช้เวลา 4.51 นาที ก็จะประมาณ 62.91 หรือ 63 รูปีนั่นเอง นอกจากการใช้ตู้ STD/ISD แล้ว

จะใช้โทรศัพท์มือถือก็ได้ ท่านสามารถเอาโทรศัพท์จากเมืองไทยไปใช้ได้โดยไปใส่ซิมการ์ดที่นั่น โทรศัพท์แบบเติมเงิน (Prepaid) ที่อินเดียมีหลายยี่ห้อเหมือนในบ้างเรา เช่น AirTel, Hutch หรือ Spice แต่ Hutch น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของผมตอนนั้น ผมเอาเครื่องเก่าที่เป็น Nokia ไปด้วย ไปซื้อซิมก็ราคา 99 บาท เวลาซื้อเราจะต้องเอาสำเนา Passport หน้าที่มีรูปกับหน้าที่มี VISA พร้อมรูปถ่าย 1 ใบไปด้วยเพราะจะใช้ในการสมัคร เวลาซื้อซิมมาจะมีใบสมัคร เราก็นั่งกรอกที่ร้านและส่งให้คนขายเขาได้เลย โดยในแบบฟอร์มจะถามชื่อ, ที่อยู่, วันเดือนปีเกิด, ที่อยู่ในอินเดียและที่อยู่ถาวร (ก็คือที่อยู่เมืองไทย) ฯลฯ จากนั้นติดรูปและก็ลงลายเซ็นรับรองที่สำเนา Passport กับที่รูป ทางร้านก็จะส่งไปให้ศูนย์ทำการ Activate แต่ก่อนจะใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็เปิดใช้ได้เลย แต่ปัจจุบันใช้เวลา 2 วัน พอ Activate เรียบร้อยแล้วก็ซื้อบัตรเติมเงินมากดเติมและโทรได้เลย ค่าบัตรเติมเงินที่นี่ค่อนข้างโหดเพราะเจอภาษีเข้าไป อย่างผมซื้อมา 400 รูปี ไม่รู้ว่าไปหักค่าอะไรอีกมากมาย โทรได้แค่ 263 รูปีครับ และใช้ได้แค่ 30 วันเอง พอหมด 30 วันก็ต้องเติมเงินใหม่ ไม่มีการเอาเวลามาแลกเป็นค่าโทรเหมือนในเมืองไทย สำหรับค่าโทรก็พอ ๆ กับบ้านเราครับ นาทีละ 3 บาทเมื่อโทรเข้าโทรศัพท์บ้านแต่ถ้าโทรเข้า Hutch ด้วยกันนาทีละ 1.5 รูปี หรือถ้าจะใช้มือถือโทรกลับเมืองไทยก็เหมือนกันครับ นาทีละ 15 บาทเช่นกัน สำหรับเบอร์โทรของ Hutch ที่ได้มาก็คือ 9886581448 ครับ เวลาโทรไปจกใครต่อใครในอินเดียก็จะกดเบอร์มือถือได้เลยโดยตรง และก็อย่างที่คุยไว้ครับ อินเดียนี่อะไรที่ไม่แน่นอนจริง ๆ และผมเองก็โดนทุกที คือ ซื้อซิมการ์ดมาใช้เขาบอกว่า 2 วันจะ Activate ให้และเติมเงินได้เลย ผ่านไป 2 แล้ว ยังใช้ไม่ได้ สัญญาณไม่มีเลยสักขีด ก็เลยไปหาคนขายที่ร้านซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ที่พัก คนขายก็โทรไปหาทางศูนย์ ตะโกนลั่นร้านเลย ดูก็รู้ว่ามันด่ากันอยู่ และก็บอกผมว่าคนเอาไปส่งทำหลักฐานของผมหาย ทั้งใบสมัครและสำเนา Passport เลยขอใหม่อีกชุดหนึ่งเขารับรองว่าจะเปิดให้ภายใน 5 นาที ก็เลยต้องเดินกลับไปเอาสำเนามาให้อีกชุดหนึ่ง 5 นาทีใช้ได้เลยครับ คนอินเดียนี่รับผิดชอบงานดี อ้อ... อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การถ่ายเอกสาร ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่ถ่ายเอกสารจนต้องถ่ายไปเยอะ ๆ นะครับ ให้มองหาป้ายที่เขียนว่า XEROX ตัวใหญ่ ๆ นั่นล่ะครับ ดูภายนอกแทบจะไม่รู้ว่ามีเครื่องถ่ายเอกสารเลย ค่าถ่ายแผ่นละ Rs.1 ครับ