วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

อินเดีย-21 : เดินทางในอินเดีย

เดินทางในอินเดีย
การเดินทางไปไหนมาไหน ถ้าจะให้ประหยัดก็ต้องไปรถบัสครับ ท่านอาจจะได้ยินแว่ว ๆ มาว่ารถบัสในอินเดียนี่กระเป๋า (Conductor) โหดมาก ในบังกาลอร์นี่ไม่เห็นเป็นดังว่าเลย ผมขึ้นมาก็หลายคัน ไม่เห็นเขาเรื่องมากกับผมเลยสักนิดเดียว อย่าไปวุ่นวายกับเขาก็แล้วกัน การขึ้นรถบัสที่นี่ต้องดูเส้นทางให้ดี ถ้าเราไปบ่อย ๆ เราก็เตรียมเงินเอาไว้ให้พร้อม เมื่อขึ้นไปก็บอกเขาว่าไปที่นี่ ๆ นะ ให้เงินเขาก็จะให้ตั๋วมา ถ้าไปคนเดียวครั้งแรกก็ต้องใจกล้า ๆ หน่อย เพราะขึ้นไปก็จะมีแต่คนมอง คนไทยเราจะหน้าขาว ๆ เกลี้ยง ๆ แต่แขกนี้จะคล้ำ ๆ และมีหนวด ดังนั้น เลยอาจจะดูแปลกตาเวลาทำอะไรบนรถ แต่ดีหน่อยที่ผมเป็นคนมีเครา เลยไม่ค่อยมีคนสนใจ (ว่าไปนั่น)

การขึ้นรถบัสครั้งแรกในบังกาลอร์ของผมก็ตอนที่ไปเที่ยวกับเจวัน (Jaivanth) เพื่อนที่โรงเรียน ชวนผมไปเที่ยวบ้าน เลยได้โอกาสขึ้นรถบัสก็ตอนนั้นล่ะ พอขึ้นได้ครั้งแรก หลัง ๆ ก็ขึ้นบ่อยเลยครับ ก่อนขึ้นดูที่ป้ายรถให้ดี จะมีป้าย Bus Route บอกเส้นทางของแต่ละสายว่าจะไปที่ไหน เราขึ้นไปยื่นตังค์และก็บอกเขาแค่นี้ก็เรียบร้อย พอใกล้ ๆ ดูดี ๆ กระโดดลงให้ทันก็แล้วกัน ครั้งแรกที่ขึ้นรถกับเจวัน เขาแปลกใจมากเลยที่ผมขึ้นรถบัสไว ผมก็บอกว่าอยู่เมืองไทยขึ้นรถบัสแบบนี้บ่อย โหนอยู่ทุกวันเลยคล่องเป็นพิเศษ ค่ารถบัสนี่ก็ไม่แพง ระยะทางไกล ๆ ก็แค่ 5 รูปี ถ้าใกล้ ๆ หน่อยก็ 2 รูปี แล้วแต่ระยะทาง ผมนั่งก็แค่วันละ 5 รูปี ถ้านั่งออโต้ก็ปาเข้าไป 15-20 รูปี นั่งรถบัสก็จะได้บรรยายกาศไปอีกแบบครับ อันนี้ไปทดลองกันดูได้

นอกจากรถบัสแล้ว การนั่งรถออโต้นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่รู้เส้นทางของรถบัส และถ้าต้องการการเดินทางง่าย ๆ รวดเร็ว นั่งออโต้จะดีกว่า รถออโต้ หรือ ออโต้ริคซอว์ (Auto Rickshaw) เป็นรถสามล้อเหมือนกับตุ๊ก ๆ บ้านเรา ใช้แก๊สเป็นหลัก พอแก๊สหมดก็หยุดเปลี่ยนกันข้างถนนและก็ไปต่อ ค่ารถออโต้นี่ 2 กิโลแรกจะ 10 รูปี จากนั้นทุก ๆ 100 เมตรจะคิด .50 รูปี ถ้านั่งไป 3 กิโลก็จะเสีย 15 บาท แพงเอาเรื่องเหมือนกัน ที่อินเดียนี่เชื้อเพลิงราคาแพง รถออโต้นี่จะใช้แก๊ส ถังละประมาณ 250 รูปี วิ่งได้ประมาณ 200 กิโลเมตร คนขับออโต้บางคนอาจจะควบได้ไกลกว่านั้น พวกนี้จะมีเทคนิคครับ บ้างก็ดับเครื่องเวลาจะถึงที่ หรือลงเนินก็มี ราคาน้ำมันเบนซินที่นี่ลิตรละ 45 รูปี (ประมาณ 40-43 บาทในตอนนั้น) เห็นอย่างนี้คิดถึงเมืองไทยขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าน้ำมันจะแพง แต่ก็มีรถวิ่งกันขวักไขว่ปาดไปปาดมาเต็มถนนทุกวัน ยิ่งวันเสาร์-อาทิตย์นี่ไม่ต้องพูดถึง สาย ๆ หน่อยไม่รู้รถมาจากไหน ติดกันกระจายเลย

เทคนิคการนั่งรถออโต้ที่บังกาลอร์นี่ไม่ยากครับ ทำตัวซอมซ่อ ๆ เข้าไว้ หนวดเคราไม่ต้องไปโกน คือ อย่าพยายามทำตัวให้ดูรวย ไม่งั้นจะโดนชาร์จกันสุด ๆ แต่ถ้าเรารู้ทางแล้วล่ะก็ไม่ต้องไปง้อเลยครับ ถ้าตำรวจอยู่ใกล้ ๆ มีปัญหาก็เรียกได้เลย เพราะที่นี่มีกฏบังคับให้ใช้มิเตอร์ ไม่เหมือนบางรัฐอย่างเชนไน (Chennai) ที่มีมิเตอร์เอาไว้ประดับเท่านั้น ถ้าออโต้เรียกราคาสูง และไม่ยอมเปิดมิเตอร์ เราก็ต้องยืนกรานจะเอามิเตอร์ให้ได้ ถ้าไม่ยอมก็ไปหาคันใหม่หรือโบกเอาแถว ๆ นั้นได้เลย มิเตอร์ในบังกาลอร์นี่มีอยู่กว่า 30% ของท้องถนน (ประมาณเอานะครับ) ลองมองในถนนเถอะครับ เห็นหลังคาเหลือง ๆ เพียบ ดังนั้นถ้าออโต้คันไหนไม่เปิดมิเตอร์ก็ไม่ต้องง้อเลย พวกเขาเห็นเราไม่ใช่คนอินเดียจะชาร์จครับ ถ้าเราเถียงเขาก็จะยกเหตุผลต่างต่างนานา อย่างถ้าไปโบกตอนเช้า ๆ เขาจะให้เหตุผลว่ายังเช้าอยู่ เลยขอ 50 รูปีอย่างงี้ก็มี (ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย) บ้างก็ว่าไปที่นั่นแล้วไม่มีคนตอนขากลับนี่ก็จะได้ยินบ่อย ขอ 40 รูปี อย่างนี้มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรานี่ เหตุผลข้างๆ คูๆ แบบนี้มีแต่แขกที่จะยกมาได้ ซึ่งๆ หน้าเลย ถ้าเปิดมิเตอร์จริง ๆ แล้วจะจ่ายแค่ 12-15 รูปีเอง ผมนั่งไปแถว ๆ ทะเลสาบอัลซุลทุกวัน ไม่เคยเกิน 15 รูปี ดังนั้น เมื่อเรารู้ราคาและระยะทางที่แน่นอนแล้ว ก็เถียงกลับไปได้ ถ้าไม่เอาก็บ๊ายบายไปเลย บางคันตกลงราคากันแล้วไปถึงที่เรียกเพิ่มก็มี พอเราจ่ายตามมิเตอร์แล้วก็หายไปเลย

แต่ถ้าใครที่พูดจาดี ๆ คุยกับเราดี ๆ ไม่โกงเราก่อนอันนี้ก็ให้เพิ่มได้เป็นสินน้ำใจครับ อย่าง 16.5 รูปี อาจจะให้ไปเลย 20 รูปีเลยก็ได้ ถ้าท่านรู้ทางแล้วล่ะก็ท่านก็บอกออโต้ได้ บางคันจะพาวนให้มิเตอร์เพิ่ม ผมเจอจัง ๆ หลายครั้งเลย เห็นต่อหน้าต่อตาเลยว่าพาเราวน เพราะเราเป็นคนต่างชาติ ไม่รู้เส้นทางเหมือนมัน ทางมันขนานกัน และเขาไม่มาทางนี้กัน พอเห็นอย่างนี้ก็ต้องสะกิดเลย และก็บอกว่าทำไมมาทางนี้ มันวกรถกลับทันที พอพวกนี้เห็นว่าเรารู้ทางก็จะไม่มาตลกกับเราอีก เขาจะพาเราไปแต่โดยดี นี่ล่ะครับ เหตุการณ์แบบนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยกับคนต่างชาติ ดังนั้นคนไทยเราต้องใส่เขี้ยวกันหน่อยล่ะ อยู่ที่นี่เดือนแรกค่อนข้างน่าเบื่อที่จะไปไหนมาไหน เพราะจะต้องบอกกับคนขับออโต้ทุกวันเพื่อให้เปิดมิเตอร์เพราะพอเห็นหน้าเราขาว ๆ ใส่เสื้อยืด บางวันโบกตั้ง 4-5 คัน กว่าจะเจอคันที่ยอมเปิดมิเตอร์ให้ หลัง ๆ พอเริ่มรู้แกวเลยต้องแต่งตัวซอมซ่อ ๆ หน่อย จะทำให้การซื้อของหรือต่อราคาทำได้ง่ายขึ้น อันนี้ทดลองมาแล้วใช้ได้น่นอน ไม่โกนหนวด และทำตัวซอมซ่อเข้าไว้ ไม่หลุกหลิกมองซ้ายขวาเหมือนกับนักท่องเที่ยว สองเดือนหลังผมไม่มีปัญหากับออโต้เลย โบกปั๊บก็ได้เลย ยอมเปิดมิเตอร์ จะมีก็บางวันที่ต้องใช้วิชามารหน่อย จะไม่ให้ใช้ได้ยังไงครับ ก็เจออีกแบบนี้ทุกวันเลย... เฮ้อ....