วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

อินเดีย-24 : สิ่งที่ได้จากการมาบังกาลอร์ เงินแสนก็ซื้อไม่ได้

สิ่งที่ได้จากการมาบังกาลอร์ เงินแสนก็ซื้อไม่ได้

จริง ๆ แล้วมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจและอยากจะนำมาถ่ายทอด แต่ประสบการณ์ ความรู้สึกบางอย่าง ไม่อาจจะถ่ายทอดได้โดยใช้ภาษา ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกที่ได้พบเจออย่างไร เมื่ออยู่อินเดียแล้วถ้าท่านเรียนรู้ที่จะยอมรับสังคมการเป็นอยู่ของเขา ท่านจะได้เรื่องเล่ากลับมาเยอะมาก เพราะมันไม่ใช่แค่การเรียนด้านวิชาการอย่างเดียว มันเป็นทั้งการศึกษาชีวิต และผจญภัยไปพร้อมกับการเรียน มันไม่ใช่ว่าการมาเมืองไอทีอย่างบังกาลอร์จะได้แค่ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์และภาษากลับไปอย่างเดียว

แต่ละวัน ท่านอาจจะพบกับอุปสรรคที่ไม่ซ้ำกันเลย บางวันดี สบายราบรื่น, บางวันก็ลำบาก, บางวันเป็นโรคอยากกลับบ้าน, บางวันรู้สึกอบอุ่นใจ, บางวันหลอกซื้อหนังสือแขกราคาถูกมาได้ดีใจทั้งวัน พรุ่งนี้งี่เง่าอยากกลับบ้านอีกแล้ว นี่คือประสบการณ์ที่เอาเงินแสนหรือเงินล้านมาแลกก็ให้กันไม่ได้ ถ้าเราเรียนรู้การเป็นอยู่ที่กลมกลืนกับเขา ท่านจะทราบว่าคนอินเดียนั้นอยู่กันอย่างเรียบง่าย และท่านจะเข้าใจว่าทำไมอากาศร้อน ๆ แต่ยังขับรถไม่เปิดแอร์กันก็ยังอยู่กันได้ แดดร้อน ๆ หนุ่ม ๆ สาว ๆ ยืนจับกลุ่มคุยกันหน้าตาเฉย และถ้าเราจับมือทักทาย ให้ความสนิทสนม ให้ความเป็นกันเองในความเป็นอยู่ของเขา เขาจะให้น้ำใจตอบกลับมาอย่างล้นหลามจนอาจจะรู้สึกเกรงใจกันขึ้นมาเลย ไม่ว่าจะเป็นการหาทานอาหาร เขาจะชอบบริการถ้าเจอคนต่างชาติมา แน่ละครับ ถ้าคนต่างชาติชอบอาหารที่ท่านทำ ท่านอาจจะทำให้ดี ๆ มั้ยล่ะครับ เหมือนกัน พอเขารู้ว่าเรากินแล้วอร่อยล่ะก็ มื้อต่อไปก็มีแถมไก่ให้ชิ้นสองชิ้นก็มี เงินไม่พอติดไว้ก่อนก็ได้ คราวหน้าค่อยเอามาให้ก็มี คนอินเดียบอกได้ว่ามีน้ำใจมาก ก็เหมือนกับคนไทย

พอกลับมากินข้าวที่เมืองไทยก็ยังอดนึกถึงตอนที่หิวจนท้องแฟบที่อินเดียไม่ได้ ไปเดินเที่ยวบางที่เรากินอาหารเขาไม่ได้ คอแห้ง หิวน้ำ เดินหิวจนใส้กิ่ว ต้องซื้อน้ำซื้อกล้วยหอมกินประทังชีวิต ทำให้เรานึกถึงคนที่ไม่มีอันจะกิน นั่งอยู่ข้าง ๆ ทางก็มีให้เห็นเยอะ ขนาดเมืองใหญ่ ๆ ก็ยังมีคนพิการ มีขอทานอยู่มาก บนท้องถนนก็มีทั้งคนรวยแต่งตัวดีหน้าตามสวยทำงานดี ๆ ไปจนถึงหญิงชราอายุมากใส่ส่าหรี ทำงานเป็นคนใช้นอนนอกบ้านกับสุนัข หรือทำงานก่อสร้างยกหินแบกปูนก็มีให้พบเห็นบ่อย ต่างคนต่างไม่สนใจกันและกัน อยู่อินเดีย ท่านจะพบเห็นสิ่งเหล่านี้อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน การเรียนรู้ชีวิตจึงไม่ใช่แค่การรับรู้แต่ความสุขสมหวังเพียงอย่างเดียว มันต้องรับรู้ความผิดหวังด้วย เรียนทั้งสุขและทุกข์ไปพร้อม ๆ กัน วันนี้สุข, พรุ่งนี้ทุกข์, ต่อมาก็สุขอีก เรารู้เท่าทันให้ได้ว่า เดี๋ยวสุขมันก็ไป ทุกข์ก็มาอีก เดี๋ยวมันก็ไป ๆ มา ๆ อย่างนี้แหละ อย่ามายุ่งยากกับมันเป็นพอ มันเป็นของมันอย่างนั้นดังที่พระพุทธเจ้าได้เคยตรัสเอาไว้ ถึงได้บอกไงครับว่า เงินแสนหรือเงินล้านก็แลกซื้อไม่ได้ ถ้าอยากได้ก็จะต้องเริ่มต้นเดินทางค้นหาด้วยตนเอง....

กลับมาอยู่เมืองไทย จะครบปีแล้วที่ห่างจากอินเดียมา แต่ก็ยังคิดถึงอินเดีย คิดถึงสังเวชนียสถานอยู่ คิดถึงบังกาลอร์อยู่ คิดถึงโรงเรียนที่เราเคยโดนอาจารย์ใหญ่เล่นมา ฯลฯ คิดถึงอาหารอินเดีย คิดถึงมิตรภาพที่เพื่อนๆ มีให้ คิดถึงกีฬา Cricket (คริกเก็ต) ที่เพื่อนๆ ที่นั่นสอนให้เล่น สนุกดีเหมือนกัน หลายๆ อย่างครับ คิดไปคิดมา เอ้อ... น่าจะซื้อไม้คริกเก็ตกับลูกคริกเก็ตกลับบ้านมาด้วยเป็นที่ระลึก อันละไม่เท่าไหร่..... แต่สิ่งที่คิดถึงมากที่สุดก็คือ ชีวิตที่นั่นครับ เป็นชีวิตที่ต้องต่อสู้เองในเมืองที่ไม่แน่นอน เมืองแห่งศาสนา เมืองทีมีมนต์ขลัง ถ้าใครได้ไป ได้สัมผัสแล้ว คงจะคิดถึงอยู่ไม่วายที่จะวนกลับไปอีกครั้งเหมือนกับผม ที่ตอนนี้ยังอยากจะกลับไปเที่ยวเมือง Varanasi (พาราณาสี) เดินเที่ยวในตลาดขายเสื้อผ้า ที่มีรองเท้าสวยๆ เสื้อสวยๆ มีผักทอด มีปุรี และบาเยีย ดึกๆ ก็มีข้าวผัดไข่ขาย เอาไว้มีโอกาสจะแวะเวียนกลับไป

มีคนเคยบอกว่า "มีโอกาสที่จะได้ไปอินเดียแล้วไม่ไปนั้นโง่ แต่ถ้าไปแล้วอยากไปอีกนั้นบ้า... " แล้วไม่รู้ว่าอย่างนี้ ผมจะเรียกว่าบ้าหรือเปล่านะ... เหอๆ