วันศุกร์ที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐

อินเดีย-16 : โรงหนังที่บังกาลอร์

โรงหนังที่บังกาลอร์

ไม่รู้ว่าที่รัฐอื่นเป็นอย่างไร แต่ที่บังกาลอร์นี้ จะว่าไปก็สบายเหมือนบ้านเรา โรงหนังที่นี่ไม่ลาดลงหลาย ๆ องศาเหมือนบ้านเรา จะลาดลงนิด ๆ เหมือนกับโรงละครมากกว่า เข้าไปข้างในจะค่อนข้างกว้าง มีที่นั่งให้เลือกอยู่ 3 ระดับครับ คือ หน้า (Front), หลัง (Back) และชั้นลอยหรือ Balcony ตอนแรกนี่ไม่รู้ว่า Balcony คืออะไร พอเปิดดิกเลยเข้าใจ คราวนี้อยากจะขึ้นชั้นลอยดูบ้าง ราคาจะต่างกันไม่มาก โดยเฉพาะบางโรงและบางเวลาจะถูกไปเลยก็มี เช่น Morning show คือ รอบแรกตอนเช้าประมาณ 10:45 นี่ราคาสำหรับระดับ Balcony จะอยู่ที่ Rs.50 , ถ้าที่นั่งด้านหลังก็จะ Rs.45 และถ้านั่นด้านหน้า ๆ ก็จะ Rs.35 เอง ไม่แพง แต่ถ้ารอบอื่นนี่จะอยู่ที่ 100, 80, 60 ตามลำดับครับ โรงหนังที่บังกาลอร์นี้มีหลายโรง แต่ถ้าแถว ๆ ย่านธุรกิจนี้แล้วล่ะก็ต้อง Symphony กับ REX

ถ้าจะให้แจ๋ว ๆ ก็ต้องไปที่โรงหนัง PVR ซึ่งอยู่ในห้างฟอรั่ม Kolamangala ที่นี่จะเหมือนกับห้างเดอะมอลล์หรือเซ็นทรัลบ้านเรา คนจะแน่นมากในวันเสาร์อาทิยต์ โรงหนังที่ได้บอกไปนี้โดยมากจะฉายหนังฝรั่งและหนังอินเดีย (ภาษาฮินดี) จะมีหนังหลายเรื่องเข้าคิวรอฉายโดยตลอดเลย การดูหนังนี่ก็จะช่วยให้เราฝึกภาษาได้มากนะครับ อันนี้รับรองมาแล้วโดยผู้รู้หลาย ๆ ท่าน รวมทั้งตัวผมด้วย ช่วงเดือนที่ผมไปนี้หนังเรื่อง Million Dollars baby เข้าฉายพอดี แต่เสียดายที่ไม่ได้ดูเพราะเจ้าคิมคนเดียว เจ้าคิมเป็นเพื่อนร่วมห้องครับ มาจากเกาหลีใต้ นัดเจ้าคิมเอาไว้ว่าจะไปดูเรื่องนี้กันวันอาทิตย์ แต่เจ้าคิมลืมเพราะวันอาทิตย์ไปโบสถ์ ผมเลยชวดเลยงวดนั้น แต่ก็ยังอุตส่าแวบไปดูคนเดียวเรื่อง Miss. Congeniality ที่โรงหนัง Symphony คนไม่แน่นมากครับในวันที่ผมไปดู เพราะเป็นรอบบ่ายโมงครึ่ง การขายตั๋วของเขานี้จะแยกกันนะครับ ถ้าจะซื้อที่นั่งด้านหน้า, ด้านหลัง หรือ Balcony ก็เดินเข้าคนละช่อง จ่ายตังค์และเขาก็จะฉีกตั๋วมาให้เหมือนกับฉีกคูปองซื้ออาหารตามศูนย์การค้าน่ะครับ สิ่งที่รู้สึกว่าน่าจะปรับปรุงมาก ๆ ก็คือ เรื่องของเก้าอี้ ไม่รู้ว่าผมนั่งอีท่าไหน หรือเบาะไม่เหมือนกับบ้านเรานี่ล่ะ ทำเอาปวดไปหมดเลย หลัง ๆ ก็ต้องนั่งเอียง ๆ บ้าง คือ นั่งไม่ค่อยเต็มเบาะเท่าไหร่

แต่ช่วงหลังก็ได้ไปดูกับเจ้าคิมเรื่อง Mr and Miss Smith เข้าฉายพร้อม ๆ กับเมืองไทยเลยเรื่องนี้ ได้ขึ้นไปนั่งบนชั้น Balcony ก็สบายขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังรู้สึกแคบ ๆ อยู่ และการฉายหนังที่นี่จะมีการหยุดพักที่เรียกว่า Interval หรือ Intermission ครับ โดยจะพักประมาณ 15 นาที ให้ไปเข้าห้องน้ำหรือไปซื้อขนมเข้ามากินได้ ในชั้นเดียวกันนั้นจะมีวางขายครับ ไม่แพง ราคาเท่ากับข้างนอกเลย ไม่ว่าจะดูหนังต่างประเทศหรือหนังอินเดียนี่ก็จะมีหยุดพักเหมือนกัน ยิ่งหนังอินเดียแล้วควรมีครับ หนังก็ไม่ยาวมากแต่ว่ามีเพลงด้วยยังไงครับ เลยต้องมีการ Intermission และหนังอินเดียนี้การ Intermission นี้ดูเหมือนเขาจะออกแบบให้หนังมีการหยุดพักด้วย เช่น เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นแล้ว พระเอกจะช่วยนางเอกได้มั้ย จู่ ๆ ก็จะหยุดภาพที่หน้าหล่อ ๆ ของพระเอกและก็ขึ้นคำว่า INTERVAL เลย ก็คือ เป็นการหยุดพักครึ่งเรื่องนั่นเอง สำหรับเรื่องมารยาทแล้วควรจะปรับปรุงกันสักหน่อยในเรื่องของความเกรงใจ อย่างบ้านเรานี่เวลาดูหนังเราก็ต้องเกรงใจคนรอบข้างด้วย ที่นี่จะเห็นบ่อยพฤติกรรมแบบนี้ในโรงหนังเช่น รับโทรศัพท์ หรือเปิดหน้าจอโทรศัพท์ทำโน่นทำนี่ แสงไฟก็เข้าตาคนอื่น หรือบางคนก็เดินไปมา สลับที่กันบ้าง บ้างก็เข้าโรงหนังช้า แทนที่จะรีบ ๆ เข้า หนังปาเข้าไป 15 นาทีแล้วก็มี และที่สำคัญที่มันแคบ และบางแถวก็เข้า-ออกได้ทางเดียว ดังนั้นถ้านั่งข้างในก็จะต้องเบียดแทรกเข้าไป บางครั้งมาหยุดยืนคุยกับเพื่อนหน้าเราก็มี แต่ก็ยังดีที่มีความเกรงใจกันบ้างเวลาส่งเสียงดัง เช่น ถ้าใครหัวเราะไม่หยุด หรือมาพากย์ในโรงหนังเสียงดัง คนรอบ ๆ ข้างก็จะช่วยกันส่งเสียง "ชู่ว" กันระงมเลย อันนี้ถ้ามีโอกาสก็มาสัมผัสกับโรงหนังที่อินเดียได้